พัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
โรงพยาบาลปัตตานี
โรคหัวใจและหลอดเลือด
เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและเป็นปัญหาสำคัญทางด้านสุขภาพ โรงพยาบาลปัตตานีมีจำนวนผู้ป่วยในที่มารักษาด้วยโรคหัวใจขาดเลือด
ชนิดSTยก ปี พ.ศ.2553,2554และ2555(กันยายน 2554มีนาคม 2555) ดังนี้
161,241และ177รายตามลำดับ
และมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 13.66, 11.20 และ 10.73 ตามลำดับ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย แผนการรักษาคือการเปิดให้มีเลือดไหลในหลอดเลือด
ซึ่งทำได้โดยการให้ยาละลายลิ่มเลือด (fibrinolytic therapy) ตั้งแต่เริ่มพบผู้ป่วย
(door-to-needle) ซึ่งมาตรฐานใหม่หากสามารถให้ได้ภายใน 30
นาทีและต้องได้รับยาภายใน 12
ชั่วโมงหลังจากที่มีอาการเจ็บเค้นหน้าอก จะได้ผลดี(สถาบันโรคทรวงอก
กรมการแพทย์,2555)
การดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลปัตตานี
พบว่า ระยะเวลาที่ผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือดยังไม่ได้ตามมาตรฐาน ซึ่งมาตรฐานเดิมต้องได้รับยาภายใน
60 นาทีโดยระยะเวลาเฉลี่ยที่ผู้ป่วยได้รับยาละลายลิ่มเลือดเริ่มตั้งแต่ผู้ป่วยมาถึงตึกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
จนกระทั่งได้รับยาละลายลิ่มเลือดในปี 2553 ใช้เวลาน้อยกว่า 60 นาที ร้อยละ38.57 (เวลาเฉลี่ย 49 นาที) จากการทบทวนพบว่า ญาติ/ผู้ป่วยใช้เวลาในการตัดสินใจนาน
และเริ่มให้ยาในหอผู้ป่วย
เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องอัตรากำลังของพยาบาลและสมรรถนะพยาบาล
รวมทั้งระบบการปรึกษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงได้มีการพัฒนาปรับปรุงระบบการให้ข้อมูลและระบบการปรึกษาในโรงพยาบาล
ในปี2554ใช้เวลาน้อยกว่า 60 นาที คิดเป็นร้อยละ
62.07 (เวลาเฉลี่ย 42 นาที) มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ดังนี้พัฒนาการให้ยา SK ที่ห้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน
เชื่อมโยงการดูแลจากโรงพยาบาลชุมชน โดยการใช้โทรสารส่งต่อคลื่นไฟฟ้าหัวใจมายัง
ห้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
รวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยปลอดภัยมากขึ้น
พัฒนาการให้ข้อมูลการรับยา
SK และพัฒนาสมรรถนะการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยา SKและในปี
พ.ศ.2555 ใช้เวลาเฉลี่ยน้อยกว่า 30 นาทีคิดเป็นร้อยละ
25.68
การพัฒนา ปี 2555 พัฒนาการเข้าถึงบริการของผู้ป่วย STEMI
ด้วยบริการ EMS และให้ความรู้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
ความดันและเบาหวาน ขยายบริการหอผู้ป่วยหนักเพื่อให้รองรับผู้ป่วย ความพร้อมของอุปกรณ์ทางการแพทย์
ในการพัฒนาการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด หากผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้รวดเร็วจะทำให้มีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้น
เป้าหมาย
เพื่อพัฒนาการรักษาพยาบาลผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
โดยการมีส่วนร่วมของทีมสหสาขาวิชาชีพ
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพ
1.
การพัฒนาแผนการดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย
โดยการมีส่วนร่วมของทีมสหสาขาวิชาชีพ
1.1
การดูแลผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย โดยใช้ CPG
1.2
พัฒนาแนวทางการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บเค้นหน้าอกในกลุ่มผู้ป่วยนอก
1.3
ใช้ Fast track guideline (ปี2554,2555
คิดเป็นร้อยละ 99.5และ 99.83 )
1.4
สำรองเตียงในกลุ่มงานผู้ป่วยหนัก จำนวน 1 เตียง
1.5
พัฒนาการให้ยา SK ที่ห้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน
1.6
พัฒนาแนวทางปฏิบัติในการพยาบาลผู้ป่วยได้รับ SK /บันทึกทางการพยาบาล
“แผนการพยาบาลตัวอย่าง”
2.
พัฒนาศักยภาพบุคลากรในการดูแลผู้ป่วย STEMI
2.1
แพทย์(การอ่าน EKGของแพทย์เพิ่มพูนทักษะ,ระบบการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ)
2.2
พยาบาล(การอ่าน EKG การเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาและสามารถให้การพยาบาลได้ทันการณ์
การดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดแบบองค์รวม ปี 2554 พยาบาลมีสมรรถนะการดูแลผู้ป่วยผ่านเกณฑ์
(ร้อยละ80) เท่ากับ ร้อยละ 85 )
3.
เภสัชกร (ติดตามและแนะนำ เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาSK /ออกบัตรห้ามรับยา
SK ภายใน 1-2 ปี /ให้คำแนะนำ/ติดตามการรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง)
4.
ประเมินผลการปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วย STEMI
4.1
ระยะเวลาที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือดภายใน 30 นาที
4.2
ลดอัตราตาย
4.3
ลดภาวะแทรกซ้อน
5.
ปรับสภาพแวดล้อมของผู้ป่วยให้เหมาะสม
|
|
ระดับที่ปฏิบัติได้
|
||
ตัวชี้วัด
|
เป้าหมาย
(ร้อยละ)
|
2553
|
2554
|
2555
(ตค.54-มีค.
55)
|
จำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดชนิดSTยก
|
|
161
|
241
|
177
|
1. อัตราตายของผู้ป่วย
STEMI
|
10
|
13.66
|
11.20
|
10.73
|
2. จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับยา
SK (ราย)
2.1 ได้รับยาภายใน
12 ชั่วโมงที่มีอาการเจ็บหน้าอก
|
|
70
N/A
|
87
N/A
|
79
74
|
3. ระยะเวลาที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด
3.1
ภายใน
30
นาที
3.2
น้อยกว่า
60 นาที
|
60
80
|
38.57
|
62.07
|
25.68
59.73
|
4. อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการให้
Thrombolytic Drug
4.1 ความดันโลหิตต่ำ
4.2 การเกิดผื่นแพ้
4.3 เลือดออกในระบบต่างๆของร่างกาย
4.4 คลื่นไส้อาเจียน
|
0
( ราย
)
|
32.18
N/A
N/A
N/A
N/A
|
28.57
N/A
N/A
N/A
N/A
|
24.05
10
0
11
1
|
5. ความพึงพอใจของผู้ป่วยที่รับยา
SK
|
80
|
N/A
|
N/A
|
82
|
แผนพัฒนาต่อเนื่อง
1.
พัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อให้สามารถบันทึก และประมวลผลข้อมูลได้ง่าย
ไม่ซ้ำซ้อน
2. พัฒนาเครือข่ายผู้ป่วย
STEMI จังหวัดปัตตานี โดยมีโรงพยาบาลปัตตานีเป็นแม่ข่าย
3. พัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องหลังจำหน่ายออจากโรงพยาบาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น